
ถ้าพูดถึงรถ มอเตอร์ไซค์ GPX หลายคนอาจจะนึกถึงแบรนด์ญี่ปุ่นหลายแบรนด์ที่ครองตลาดอยู่ ณ ขณะนี้ ด้วยความหลากหลายของรุ่น รวมถึงรูปแบบที่เจาะแทบจะทุกไลฟ์สไตล์ของคนทุกกลุ่ม รวมถึงชื่อเสียงที่ถูกสั่งสมมาอย่างยาวนั้น ครองใจคนไทยแทบจะทุกคน แต่เมื่อเวลาผ่านไป มีรถมอเตอร์ไซค์หลายแบรนด์ออกมาเป็นคู่แข่งทางการตลาด โดยเฉพาะช่วงหลายปีมานี้ อาจจะเคยได้ยินชื่อเสียงของ มอเตอร์ไซค์ GPX มากขึ้นเรื่อย ๆ จากการเป็นมอเตอร์ไซค์ที่ครองตลาดอันดับ 3 ในตลาดมอเตอร์ไซค์บ้านเรา ทั้งยังมีการส่งสินค้าออกไปจำหน่ายในหลาย ๆ ประเทศอีกด้วย เมื่อพูดมาถึงตรงนี้แล้ว หลายคนอาจจะกำลังสงสัยว่า GPX คือใคร และเป็นแบรนด์จากประเทศไทย มีความเป็นมาอย่างไร วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกัน ถึงความเป็นมาของแบรนด์ GPX ที่กำลังได้รับความนิยม
ด้วยรูปลักษณ์ของมอเตอร์ไซค์ GPX ที่มีความทันสมัย คันใหญ่ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นรถที่ถูกผลิดมาจากต่างประเทศนั้น แต่ความจริงแล้ว GPX เป็นค่ายรถมอเตอร์ไซค์สัญชาติไทยนี้เอง โดยมีเจ้าของเป็นคนไทย ก่อตั้งและมีการบริหารงานโดย คุณไชยยศ ร่วมใจพัฒนกุล หรือคุณอ๊อฟ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีพี มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยเขาเป็นผู้บริหารหนุ่งที่มีความสามารถมากมาย โดยมีจุดเริ่มต้นการทำธุรกิจตั้งแต่อายุเพียง 21 ปีเท่านั้น
จุดเริ่มต้นก่อนจะมาเป็น GPX

ก่อนจะมาเป็น GPX ที่มีเจ้าของเป็นคุณอ๊อฟ ผู้บริหารหนุ่มไฟแรงที่มากความสามารถนั้น เดิมทีเมื่อปี 2007 นั้น คุณอ๊อฟ ได้เริ่มต้นการทำธุรกิจด้วยการเข้ารถเอทีวีมาขายในประเทศไทย โดยการเปิดบริษัทซึ่งเช้าพื้นที่จากโรงงานเล็ก ๆ และมีพื้นที่เพียงแค่ 150 ตารางเมตรเท่านั้น ด้วยประสบการณ์และความชอบส่วนตัวนั้น เขาได้เล็งเห็นความต้องการในตลาดของรถมอเตอร์ไซค์วิบาก ณ เวลานั้นมากขึ้น จึงเริ่มหันมาขายกลุ่มสินค้ามอเตอร์ไซค์วิบากโดยจำหน่ายควบคู่ไปกับรถเอทีวี ซึ่งเป็นรถที่เหมาะกับการใช้งานบนพื้นดินที่มีความวิบาก มีฝุ่น เน้นทางดินขี่ในไร่ ในส่วน โดยไม่สามารถจดทะเบียน หรือสามารถขับขี่บนท้องถนนได้ จากนั้นได้มีการพัฒนากับรถรุ่นใหม่ให้สามารถจดทะเบียน และสามารถขับขี่บนท้องถนนได้ โดย GPX รุ่นแรกที่ถือกำเนิดขึ้นชื่อรุ่นว่า GPX Thunder X พร้อมทั้งมีการสร้างโชว์รูมเพื่อเป็นช่องทางในการจัดจำหน่าย รวมถึงมีสินค้ารุ่นของ GPX รุ่นอื่น ๆ ตามมาอีกหลายรุ่น ซึ่งสามารถสร้างยอดขายได้มากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าจะยังไม่ได้หวือหวาหรือได้รับความนิยมมากนัก
จนกระทั่ง GPX มีการเปิดตัวรถรุ่น Demon 125 ในงาน Motor Expo 2014 ได้สร้างกระแสและสร้างความนิยมมากขึ้นไปอีก และหลังจากที่มีการวางจำหน่าย GPX Demon 125 ในปี 2015 ก็สามารถสร้างยอดขายถล่มทลายมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว และหลังจากนั้นได้ทำให้ GPX กลายเป็นที่รู้จัก และมีผู้สนใจจนกลายเป็นสาวก รวมถึงมีชื่อมากยิ่งขึ้นในวงการมอเตอร์ไซค์อีกด้วย หลังจากที่ยังมีกระแสอยู่ GPX ไม่รอช้า ส่งรถรุ่นใหม่มาเลี้ยงกระแสไม่ให้ตกไป ด้วยรถอีกหลากหลายรุ่นเข้าสู่ตลาดมอเตอร์ไซค์ ไม่ว่าจะเป็น Legend200, Legend 150 , CR5 EFI , Demon 150 GN, Demon X 125 , Gentleman 200 เป็นต้น
และในปี 2017 ในงาน Motor Expo 2017 คุณอ๊อฟ เจ้าของแบรนด์ GPX ได้ตอกย้ำความเป็นแบรนด์สัญชาติไทย เพื่อคนไทย ด้วยประโยคที่ว่า “ผมรู้สึกภูมิใจกับแบรนด์ที่เรากล้าพูดได้เต็มปากเลยว่า เป็นแบรนด์ของคนไทยจริง ๆ ” ซึ่งเป็นงานเปิดตัวรถรุ่นใหม่ GPX Demon 150 GR ทั้งนี้ GPX ยังเป็นมอเตอร์ไซค์ที่มีจุดแข็งและจุดขายที่แตกต่างไปจากแบรนด์อื่นในท้องตลาด แม้ว่าความรุนแรงของการแข่งขันในตลาดของมอเตอร์ไซค์ดีไซร์สปอร์ตนั้นจะมีมากมาย แต่การตลาดของ GPX นั้นได้ขายความซื้อสัตย์และจริงใจกับลูกค้าเป็นอย่างมาก โดยคุณอ๊อฟที่เป็นผู้กุมบังเหียนของ GPX นั้นได้เผยกลยุทธ์เด็ดของ GPX ว่า “เรามองในมุมที่แตกต่างจากคนอื่น” แม้ว่าเขาจะเลือกทำการตลาดแบบ Blue Ocean ใน Red Ocean ซึ่งเป็นพื้นฐานเดียวกันกับผู้ประกอบการเจ้าอื่น ๆ แต่ในช่วงแรกนั้น เขาได้เลือกทำสิ่งที่แตกต่างออกไปในการวางแพลตฟอร์มที่ใช้ในการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้า GPX
GPX กับ CI ใหม่ “DARE TO CHALLENGE” ไม่หยุด ที่จะท้าทาย!

บริษัท จีพี มอเตอร์ (ประเทศไทย) ผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์แบรนด์ GPX ได้มีการจัดงาน GPX DARE TO CHALLENGE พร้อมแถลงนโยบายประจำปี 2019 กับการเปิดตัว Corporate Identity หรือ CI ที่จะเป็นภาพลักษณ์ใหม่ของแบรนด์ GPX อย่างเป็นทางการ เรียกได้ว่าเป็นการรีแบรนด์ดิ้งครั้งแรกและครั้งสำคัญของค่าย GPX ที่พร้อมก้าวไปอีกขั้นภายใต้คอนเซ็ปต์ “DARE TO CHALLENGE” ไม่หยุด ที่จะท้าทาย!
สำหรับปัจจุบันหลัง GPX ได้มีการรีแบรนด์ดิ้งครั้งสำคัญ และเดินหน้าลุยตลาดมอเตอร์ไซค์อย่างเต็มกำลัง โดยรถเอทีวี และรถมอเตอร์ไซค์วิบากที่เคยเป็นสินค้าหลักได้เลิกผลิตและจำหน่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะมีการขยายตลาดและสิ้นค้ากลุ่มรถมอเตอร์ไซค์ที่สามารถจดทะเบียนได้มากขึ้นให้มีหลากหลายรุ่นมากยิ่งขึ้น ในเวลาอันรวดเร็ว โดยจะมีการเพิ่มกำลังการผลิตด้วยการขยายโรงงานการผลิตให้มีความใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับจำนวนสินค้าและรองรับความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยมีการตั้งโรงงานผลิตอยู่ที่ นิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ บนพื้นที่ 35,000 ตร.ม. พร้อมทั้งสร้างเครือข่ายช่องทางการจัดจำหน่าย กับตัวแทนจำหน่ายกว่า 300 แห่ง ครอบคลุมทั่วประเทศ อีกทั้งยังพัฒนาในด้านการดีไซน์ให้ตอบโจทย์กับคนไทย โดยมีทีมงาน R&D ชาวไทยและชาวอิตาลี
บทสรุป
จากวันนั้นถึงวันนี้ มอเตอร์ไซค์ GPX ไม่เคยที่จะหยุดพัฒนาเลย และมีการเติบโตมากยิ่งขึ้นในหลาย ๆ ด้าน ซ฿งจะเห็นได้ชัดยิ่งขึ้นสำหรับสินค้าใหม่ ๆ ของ GPX ทั้งหมดที่ได้กล่าวไปนั้นคงจะเป็นเหตุผลที่เพียงพอแล้วสำหรับการพัฒนาครั้งยิ่งใหญ่ และทำให้ GPX ก้าวกระโดดขึ้นแท่นอันดับ 3 มอเตอร์ไซค์ที่ครองตลาดอยู่ในประเทศไทยมากกกว่า 3 ปีซ้อน ไม่ใช่เพียงเท่านั้น GPX ยังได้มีการส่งรถมอเตอร์ไซค์ออกไปวางจำหน่ายในต่างประเทศ เรียกได้ว่าโกอินเตอร์ แต่พิเศษตรงที่มีสินค้าที่ถถูกตีตราว่าเป็น MADE IN THAILAND ไปวางขายไกลถึงประเทศญี่ปุ่น ซึ่งได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีอีกด้วย และนอกจากนี้ GPX ยังได้มีการบุกตลาดเพิ่มเติม ไปยังประเทศในกลุ่มอาเซียน ทั้งกัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย ฮ่องกง เนปาล บังคลาเทศ และ ฟิลิปปินส์ อีกด้วย
credit outletmoncler.org mixactivitys.com mixmobilegames.com comshareasale.com